ตามติดเหตุการณ์สําคัญ

เหตุการณ์สําคัญ

เหตุการณ์สําคัญ

 

เหตุการณ์สําคัญปี 2019 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปี ที่เอเชียจะมีเหตุการณ์สำคัญ ให้ทั่วโลกต้องเฝ้าจับตามอง  เริ่มต้นการด้วยแวดวงการเมือง ซึ่งในปีหน้าฟ้าใหม่นี้ หลายประเทศในเอเชีย มาถึงวาระการเลือกตั้ง เปลี่ยนผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในอินเดีย และอินโดนีเซีย โดยที่อินเดียต้องลุ้นให้ดีว่า พรรคภารตียชนตา ของนายกรัฐมนตรีนนเรนทรา โมดีจะได้ไปต่อหรือไม่ หลังคะแนนนิยม ที่มีต่อตัวเขาและพรรค ในช่วงหลังมานี้ลดฮวบจนน่าใจหาย ขณะที่คู่แข่ง คนสำคัญอย่าง ราอูล คานธี แห่งพรรคคองเกรส กลับเริ่มได้รับความนิยม มากขึ้น

 

ส่วนที่อินโดนีเซีย แม้พรรครัฐบาล ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด้ จะยังคงมีคะแนน นำคู่แข่งอย่าง Prabowo Subianto ในผลโพลการสำรวจ แต่ประเด็นค่าเงินรูเปียห์ ศาสนา และราคาน้ำตาล ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลการเลือกตั้ง พลิกผันจากที่หลายฝ่าย คาดการณ์ไว้ก็เป็นได้ 

 

มาต่อกันด้วยเรื่อง ของความมั่นคงในเอเชีย มี 2 ประเด็นหลัก ที่ยังคงต้องติดตาม ประเด็นแรกก็คือ ข้อพิพาทดินแดน ในบริเวณทะเลจีนใต้ ระหว่างจีนกับชาติต่างๆ ในอาเซียน ซึ่งจีนมีแนวโน้มที่จะเดิน หน้าอ้างกรรมสิทธิ์ ของตนเต็มที่ รวมถึงเพิ่มกิจกรรมทางการทหาร สร้างความไม่พอใจให้หลายฝ่าย ยิ่งปีหน้าจะมีการประชุมอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้า จึงยิ่งต้องดูว่าชาติในอาเซียน จะได้สามารถบรรลุข้อตกลง ร่วมกันที่จะแสดงท่าทีกดดันจีนในประเด็น พิพาทนี้ได้หรือไม่

 

สำหรับประเด็น ด้านความมั่นคง เรื่องที่สองก็คือกรณีเกาหลีเหนือ ซึ่งหลายฝ่ายต่างร่วมลุ้นว่า จะมีการประชุมสุดยอด ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้งหรือไม่ รวมถึงการปลดภาพลักษณ์ ภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ ในเรื่องนิวเคลียร์ บทบาทของจีน และปฎิกิริยา จากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

 

ขณะที่ประเด็นด้านเศรษฐกิจ ใจความสำคัญย่อมหนีไม่พ้น สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่สองชาติมหาอำนาจมีเวลาจนถึงเดือน มีนาคมที่จะหาทางบรรลุ ข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน ซึ่งหากไม่สามารถหา ทางออกได้ สหรัฐฯ ก็เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก จีนรวมมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแน่นอนว่า ชาติต่างๆ ในเอเชียมีแนวโน้ม จะได้รับผลกระทบ หนักหน่วง เพราะจีนถือเป็นคู่ค้าคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการนำ เข้าและการส่งออก 

 

ส่วนอีกหนึ่งเหตุการณ์ สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือการ สละราชสมบัติ ของสมเด็จพระจักรพรรดิ อากิฮิโตะของญี่ปุ่น ที่แม้ว่าจะมี การออกข่าวให้เตรียมตัวเตรียมใจ กันมาแล้วก่อนหน้า แต่การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามว่า จะส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่น ไปในทิศทางใด 

หากว่าปี 2018 จะมีเหตุการณ์น่าเศร้า น่าลุ้นระทึก และน่ายินดีเกิดขึ้น ในเอเชียมากมาย ปี 2019 ก็คงนับเป็นอีกปีที่เอเชียจะมีเหตุการณ์สำคัญ ที่ต้องจับตามอง เนื่องจากเป็นความเคลื่อนไหว ที่มีแนวโน้มจะก่อกระแสเปลี่ยนแปลง ทั้งทางบวกและทางลบต่อเอเชีย และอีกหลายประเทศทั่วโลก

 

ญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินฝนตกหนักระดับสูงสุด

พยากรณ์อากาศญี่ปุ่น ประกาศเตือนภัยฉุกเฉินฝนตกหนักระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก ของประเทศที่จังหวัดชิซูโอกะ,คานากาว่ะ,โตเกียว,ไซตาม่ะ, กุนม่ะ,ยามานาชิและนากาโน่ะ อิทธิพลของไต้ฝุ่นฮากิบิส ทำให้เกิดฝนตกหนัก

และน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ บ้านเรือนจำนวนมาก จมอยู่ใต้น้ำและเสียหายจากลมแรง ทางการยังได้เตือนประชาชน ให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย หากรู้สึกว่า เป็นอันตรายให้อพยพมา อยู่ที่ศูนย์รับมือภาวะฉุกเฉิน หรือเข้ามาอยู่ในอาคารที่แข็งแรง

 

ระทึก..นายกเทศมนตรีฟิลิปปินส์ถูกยิงถล่มดับกลางถนน

ที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ เกิดเหตุระทึกขวัญเมื่อกลุ่มมือปืนดักกราดยิงนายกเทศมนตรีเมืองคลาริน ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายชื่อว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนเสียชีวิต

 

-เหตุกราดยิงเกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆกลางถนนสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนในบริเวณนั้น รายงานระบุว่า กลุ่มมือปืนก่อเหตุอุกอาจ โดยใช้กำลังหยุดรถตำรวจที่กำลังนำนายเดวิด นาวาร์โร่ เทศมนตรีเมืองคลารินไปดำเนินคดียังสำนักงานอัยการเซบู ข้อหาทำร้ายร่างกาย จากนั้นกลุ่มมือปืนได้กราดยิงนายนาวาร์โร่จนเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจคุ้มกันได้รับบาดเจ็บไป 1 นาย ส่วนมือปืนหลังก่อเหตุก็หลบหนีไป

 

-สื่อยังได้เผยภาพญาติของนายนาวาร์โร เข้าไปกอดศพของเขาและร่ำไห้อยู่กลางถนน-นาวาร์โร่ มีรายชื่ออยู่ในลิสต์ของประธานาธิบดีดูเตร์เต้ ผู้นำฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เขาถูกจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายหมอนวดชายในเซบู-นาวาร์โร่ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐรายล่าสุดที่ถูกสังหาร ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า เป็นหนึ่งในปฏิบัติการทำสงครามยาเสพติดของประธานาธิบดีดูเตร์เต้

 

-ตำรวจฟิลิปปินส์เผยว่า ในเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา การทำสงครามกับยาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์ มีผู้ค้ายาถูกสังหารไป 6 พัน 700 คนแล้ว ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวถูกโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนทั้งในฟิลิปปินส์และต่างประเทศ-ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา

ชื่อของนายนาวาร์โร่ อยู่ในรายชื่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัฐ 44 คนที่เชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายา ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2016 ประธานาธิบดีดูเตร์เต้ได้เผยรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใหญ่มากกว่า 150 คนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งก็มีทั้งผู้พิพากษา และนายกเทศมนตรีเป็นจำนวนมาก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *