kw

kw

kw ช๊อค-อัพ H.Drive CLUB RACE (กระบอกผู้เดียว)ท่านผู้อ่านหลายต่อหลายท่าน อาจจะเคยได้ยินว่า… ‘ที่สุด’ ของช๊อค-อัพ ควรจะเป็นกระบอกเดี่ยวแค่นั้น! คำถามก็คือว่า…ทำไม ช๊อค-อัพกระบอกเดี่ยวถึงเหนือกว่า? และก็ที่สำคัญกว่านั้นก็เป็นว่า ที่เค้าว่ากันว่า กระบอกเดี่ยวนี่แหละ เยี่ยมสุดแล้ว-จบสุดแล้ว… กระบอกโดดเดี่ยวมันเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ หรือเป็นเพียง ‘ความศรัทธา’ ที่เล่าต่อๆกันมา โดยมิได้อ้างถึงแหล่งข้อมูลเชื่อใจได้…ดังนั้น ในวันนี้ เราจะไปเจาะลึกแนวทางการทำงาน และวิเคราะห์สิ่งที่ได้เปรียบของช๊อค-อัพกระบอกเดี่ยวรวมทั้งกระบอกคู่ เพื่อหาคำตอบว่า…ช๊อค-อัพกระบอกโดดเดี่ยว ‘เหนือกว่า’ ช๊อค-อัพกระบอกคู่จริงหรือไม่? นอกจากแล้ว พวกเราจะไปค้นหากันต่อว่าต่อขาน ช๊อค-อัพกระบอกผู้เดียว เหมาะสมแก่การใช้แรงงานชนิดใด? ช๊อค-อัพกระบอกคู่ เหมาะแก่การใช้งานประเภทไหน?ถ้าว่า ก่อนที่พวกเราจะไปเจาะลึก-และ-วิเคราะห์ ลักษณะเด่น-จุดด้อย ผมว่าเรามาเริ่มกันที่ส่วนประกอบและแนวทางการทำงานกันก่อนดีมากยิ่งกว่านะครับ ไปเริ่มกันที่ ช๊อค-อัพกระบอกคู่กันก่อนเลย

kw

1. ช๊อค-อัพ กระบอกคู่ (Twin-tube Shock Absorber)

1.1 โครงสร้างรวมทั้งแนวทางงานของช๊อค-อัพกระบอกคู่
ช๊อค-อัพกระบอกคู่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกทับกัน 2-ชั้น โดยลูกสูบจะเขยื้อนขึ้น-ลง โชค profender ด้านในกระบอกสูบในแค่นั้น (กระบอกสูบเล็ก) ที่กระบอกสูบนอกจะเป็นที่เก็บน้ำมันช๊อค รวมทั้งก๊าซความดันต่ำ (ไนโตรเจนความดันต่ำ)รูปภาพแสดงถึงส่วนประกอบช๊อค-อัพทั้ง 2-ชนิดทางซ้าย – ช๊อค-อัพกระบอกโดดเดี่ยวทางด้านขวา – ช๊อค-อัพกระบอกคู่

ช๊อค-อัพกระบอกคู่จะมีวาล์วน้ำมันทั้งหมดทั้งปวง 2-ตำแหน่ง วาล์วตัวแรกอยู่ที่ลูกสูบ (Piston valve) มีบทบาทลำเลียงน้ำมันช๊อคให้ไหลขึ้น-รวมทั้ง-ลง โดยวาล์วตัวนี้ ถือเป็นวาล์วหลักสำหรับการสร้างความหนืด (จะหนืดมาก เหนียวหนืดน้อย ขึ้นกับวาล์วตัวนี้เป็นหลักขอรับ) ส่วนวาล์วตัวลำดับที่สองอยู่ที่ฐานของช๊อค-อัพ (Base valve) ทำหน้าที่ปลดปล่อยให้น้ำมันส่วนเกินให้ไหลไปยังกระบอกสูบนอก (กระบอกสำรอง) ซึ่งเปรียบได้กับเป็นถังพักของน้ำมันช็อค-อัพนั่นเองนะครับระหว่างที่แกนช็อค-อัพเคลื่อนขึ้นลงตามการเคลื่อนที่ของล้อ ลูกสูบจะดันให้น้ำมันช๊อคไหลผ่านวาล์ว แบบกลับไป-กลับมาระหว่างลูกสูบนอกและลูกสูบใน ก็เลยกำเนิดเป็นความหนืดเพื่อช่วยลดแรงสั่นนั่นเอง

1.2 ลักษณะเด่น kw แล้วก็จุดด้อยของช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่ลักษณะเด่น
– ทุนการผลิตต่ำ – เมื่อเปรียบเทียบกับช๊อค-อัพแบบกระบอกคนเดียวแล้ว ช๊อค-อัพกระบอกคู่มีต้นทุนการสร้างที่ต่ำแล้วก็มีช่วงเวลาการผลิตที่สั้นกว่ามาก ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เลือกใช้ช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่เป็นหลัก

– นุ่มกว่า – เพราะเหตุว่าด้านในกระบอกช๊อค-อัพ มีเพียงน้ำมันช๊อครวมทั้งแก๊สความดันต่ำ ทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้างเมื่อเปรียบเทียบกับช๊อค-อัพกระบอกลำพัง (ในช๊อค-อัพกระบอกผู้เดียว มีแก๊สความดันสูง ได้ผลให้เกิดความกระด้าง)จุดด้อย

– น้ำมันช๊อคกำเนิดฟองได้ง่าย – สำหรับช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่นั้น เพราะเหตุว่าน้ำมันและก็ก๊าซ ไม่ได้แยกจากกันอย่างเห็นได้ชัด (รวมกันอยู่) ช่วงเวลาที่กระบอกสูบเคลื่อนที่ขึ้น-ลงนั้น ทำให้อากาศส่วนหนึ่งส่วนใดไหลเข้าไปผสมกับน้ำมันช๊อค มีโอกาสที่จะกำเนิดฟองได้ง่ายสุดๆ ซึ่งพวกเราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘Aeration’ (การที่อากาศเข้าไปรวมตัวกับของเหลว) ซึ่งจะกำเนิดได้ง่ายเมื่อน้ำมันช๊อคมีอุณหภูมิสูง และในเมื่อน้ำมันช๊อคเต็มไปด้วยฟองอากาศแล้ว จะนำมาซึ่งการทำให้สมรรถนะการหน่วงน้อยลง เอาง่ายๆก็คือว่า ความหนืดลดลง สมรรถนะการขับขี่ จึงลดลงนั่นเองขอรับ

2. ช็อค-อัพ กระบอกลำพัง (Mono-tube Shock Absorber)

2.1 ส่วนประกอบแล้วก็หลักการงานของช๊อค-อัพกระบอกลำพังองค์ประกอบของช็อค-อัพกระบอกโดดเดี่ยวนั้น มีลักษณะเป็นกระบอกสูบเดี่ยวๆโดยภายในมีลูกดูดขนาดใหญ่ (ลูกสูบหลัก) เคลื่อนขึ้นลงตลอดแนวความยาว และก็ที่ฐานของกระบอกช็อค-อัพนั้น จะเป็นห้องของแก๊สความดันสูง ซึ่งจะถูกกันไว้ด้วยลูกสูบลอย (Free piston) โดยจะเคลื่อนขึ้น-ลงสมาคมกับลูกสูบหลักลูกสูบลอยที่ได้รับซีลอย่างแน่นหนา จะกั้นระหว่างน้ำมันช็อคและก๊าซให้แยกออกมาจากกันโดยบริบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ น้ำมันช๊อคและก็แก๊ซ จะไม่มีวันสัมผัสกันโดยตรง

2.2 จุดแข็งและก็จุดบกพร่องของช๊อค-อัพแบบกระบอกผู้เดียวจุดเด่น
– ไม่เกิดฟองอากาศ – เนื่องจาก น้ำมันช็อค-อัพ และก็ก๊าซแรงดันสูงนั้น ถูกกันให้แยกออกมาจากกันโดยสมบูรณ์ โอกาสที่จะเกิดฟองอากาศจึงเกือบจะเป็นศูนย์ โดยเหตุนั้น ช๊อค-อัพแบบกระบอกโดดเดี่ยวก็เลยสร้างแรงเหนียวหนืดได้อย่างคงที่ ตัวช๊อค-อัพจะยังคงสร้างแรงหนืดได้อย่างเสมอต้น-เสมอปลาย ถึงแม้ว่าจะใช้งานอย่างมากหน่วงและก็ต่อเนื่องจากรูปภาพด้านบน จะมองเห็นได้ว่า ช๊อค-อัพแบบกระบอกเดี่ยวก็ได้โอกาสเกิดฟองอากาศในน้ำมันช๊อคได้ด้วยเหมือนกัน (เกิดฟองในเลขลำดับ 3 และ 4) แต่ว่าปริมาณของฟองอากาศนั้น มีขนาดน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่

– สร้างแรงหนืดได้เสถียรมากกว่า – ช๊อค-อัพแบบกระบอกผู้เดียว จะมีขนาดของน้ำมันช็อคที่เยอะกว่า ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีมากว่า นอกนั้นแล้ว ด้วยเหตุว่า ผนังของกระบอกช๊อคมีเพียงแค่ชั้นเดียว (ช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่ มีฝาผนัง 2 ชั้น) ทำให้น้ำมันช๊อคระบายความร้อนเจริญขึ้นไปอีก รวมทั้งการที่สามารถรักษาอุณหภูมิน้ำมันช๊อคไม่ให้สูงเหลือเกินนี่เอง ที่ทำให้ช๊อคอัพแบบกระบอกลำพัง สามารถสร้างแรงหนืดได้เสถียรมากกว่าจุดด้อย

– กระด้างกว่า – เพราะ ช็อค-อัพแบบกระบอกโดดเดี่ยว มีการอัดก๊าซแรงกดดันสูงไว้ที่ข้างล่าง ทำให้มีความกระด้างสำหรับการขับรถมากยิ่งกว่า ยิ่งแก๊สมีแรงดันมากแค่ไหน ก็จะมีความหยาบเพิ่มมากขึ้นมากเพียงแค่นั้น

– ความทนทานน้อยกว่า – เพราะว่า ช็อค-อัพแบบกระบอกคนเดียว มีผนังเพียงแต่ชั้นเดี่ยว เมื่อช๊อค-อัพมีการชนหรือได้รับความเสื่อมโทรมแล้ว จะส่งผลโดยตรงต่อลูกสูบข้างใน ทำให้ความสามารถการทำงานของช็อค-อัพลดลง จนถึงขั้นที่ไม่สามารถที่จะใช้งานได้อีกแต่สำหรับช๊อค-อัพแบบกระบอกคู่แล้ว แม้กระบอกสูบภายนอกจะได้รับความเสื่อมโทรม kw แต่ทว่ากระบอกสูบภายในนั้น ยังสามารถปฏิบัติงานได้ตามธรรมดา

– สโตรคน้อยกว่า – เมื่อเปรียบเทียบช็อค-อัพกระบอกผู้เดียวและกระบอกคู่ที่มีความยาวเสมอกันแล้ว ช็อค-อัพแบบกระบอกคนเดียวจะมีสโตรค (Stroke = ระยะยืด-หด) ที่สั้นกว่า ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ช็อค-อัพแบบกระบอกคนเดียว มีการอัดก๊าซแรงกดดันสูงไว้ที่ด้านล่างของกระบอกนั่นเองครับภายหลังที่เราได้รู้จุดเด่น-จุดอ่อนของช็อค

-อัพแต่ละชนิดแล้ว เราจะไปดูกันต่อว่า ช็อค-อัพแต่ละแบบ เหมาะสมแก่การใช้งานชนิดไหนบ้างช็อค-อัพ แบบไหน เหมาะสมกับรถยนต์บ้าน?สำหรับรถยนต์บ้าน ใช้งานโดยปกติ ปัจจัยสำคัญลำดับแรกก็คือ ‘ความนุ่มนวลของการขับขี่’ (Ride Comfort) เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เข้าทาง ‘ช็อค-อัพกระบอกคู่’ โดยทันที เนื่องจากว่าช็อค-อัพกระบอกคู่นั้น สามารถให้ความละมุนละไมสำหรับในการขับรถได้ดียิ่งไปกว่า แล้วก็มีความคงทนมากกว่า ยิ่งกว่านั้นยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าอีกด้วย

ช๊อค-อัพ OEM กระบอกคู่ของ HONDA JAZZ GEด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งปวงนี้ ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลในขณะนี้ ต่างมาพร้อมกับช็อค-อัพแบบกระบอกคู่นั่นเองครับช็อค-อัพ แบบไหน เหมาะกับรถแต่งสายสตรีท?สำหรับรถแต่งสายสตรีท ที่อยากได้อีกทั้ง ‘ความละมุนละไม’ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และก็ ‘สมรรถนะการขับขี่’ ด้วยเหตุดังกล่าว มันก็เลยถือเป็นอะไรที่ออกจะสลับซับซ้อนสำหรับเพื่อการที่จะตกลงใจว่า ช๊อค-อัพแบบไหน ที่เหมาะสมกับรถยนต์สายสตรีทแม้กระนั้น หลายต่อหลายผู้ผลิตช๊อค-อัพ ได้เสนอแนะเป็นเสียงเดียวกันว่า ช็อค-อัพแบบกระบอกคู่นั้น เหมาะสมกับสายสตรีทที่สุดแล้ว เนื่องจากการขับขี่บนถนนโดยธรรมดานั้น จำเป็นต้องพบทั้งหลุม-ทั้งบ่อ ทางต่างระดับ และลูกระนาด ซึ่งการขับชี่ในลักษณะนี้ จำต้องอาศัยช็อค-อัพที่มีสโตรคอย่างพอเพียง ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว ช็อค-อัพแบบกระบอกคู่ที่มีความหนืดสูงยิ่งกว่าปกติ ก็เลยเหมาะสมกับรถยนต์แต่งสายสตรีทมากกว่า

ช๊อค-อัพ TEIN STREET ADVANCE (กระบอกคู่) ของ SUBARU BRZอย่างไรก็แล้วแต่สำหรับขาซิ่งที่ย้ำความสามารถการใช้แรงงาน ก็อาจจะเล็งไปที่กระบอกเดี่ยวก็ไม่ผิดครับผม …ตกลงว่าถ้าใครย้ำ ‘ความละมุนละไม’ เน้นการใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน ขับในเมืองเป็นหลัก ก็จัดแบบกระบอกคู่ แต่ว่าถ้าหากคนใดกันเน้น ‘ความสามารถ’ วิ่งเซอร์กิตถี่ๆลงแทร็คเดย์บ่อยๆก็จัดแบบกระบอกเดี่ยวไปเลย จะได้จบๆช็อค-อัพ แบบไหน เหมาะกับรถแข่งเซอร์กิต?สำหรับเพื่อการชิงชัยจำพวกเซอร์กิตแล้ว การเข้าโค้งอย่างเนื่องนั้น มีผลทำให้น้ำมันช็อคมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างมากมาย kw อีกทั้งยังจำเป็นต้องเจอกับความร้อนที่ระบายมาจากจานเบรก ทำให้น้ำมันช็อค ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้ ช็อค-อัพสำหรับรถแข่งก็เลยต้องสามารถระบายความร้อนได้อย่างเร็ว และคุณสมบัตินี้ ก็อยู่ในช็อค-อัพแบบกระบอกคนเดียวนั่นเองนะครับ นั่นทำให้ช็อค-อัพกระบอกผู้เดียว กลายมาเป็นขวัญใจของนักซิ่งเซอร์กิต

และเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยในวงการมอเตอร์สปอร์ตนอกเหนือจากนั้นแล้ว ช็อค-อัพกระบอกเดี่ยว ยังมีวาล์วลูกสูบที่ใหญ่มากยิ่งกว่าแล้วก็แข็งแรงกว่า ซึ่งทำให้มันสามารถรับแรงกดแบบชนได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งแรงจำพวกนี้ จะเกิดขึ้นขณะรถแข่งป่ายปีนเอเป็กซ์นั่นเองครับผมแม้ว่าช็อค-อัพแบบกระบอกเดี่ยว จะมีสโตรคที่น้อยกว่า แม้กระนั้นในการแข่งขันในเซอร์กิตแล้ว การวิ่งบนแทร็คพื้นเรียบนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สโตรคที่มากมาย ฉะนั้น จุดด้วยในเรื่องของสโตรค ก็เลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับรถแข่งชนิดเซอร์กิตนั่นเองครับผลสรุปจะเห็นได้ว่า อีกทั้งช็อค-อัพแบบกระบอกโดดเดี่ยว

แล้วก็กระบอกคู่ ต่างก็มีข้อเด่น-เสียเปรียบ ที่แตกต่าง นั่นทำให้ช็อค-อัพแต่ละแบบ มีความเหมาะสมในการใช้งานในลักษณะที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเราไม่สามารถพูดได้เต็มปาก…หรือวินิจฉัยได้อย่างเด็ดขาด ว่า ช็อค-อัพแบบไหน…ที่เหนือกว่ากัน… เพราะว่าช็อค-อัพทั้งสองแบบ ต่างมีคุณลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงนั่นเองขอรับเอาล่ะขอรับ สำหรับบทความเรื่อง ‘เบื้องต้นการเซ็ทอัพช่วงล่าง (ในระหว่างที่ 2)’ ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการอ่านบทความเรื่อง ‘เบื้องต้นการเซ็ทอัพช่วงล่าง (ในตอนที่ 1)’ ก็สามารถกดที่ LINK นี้ ได้เลยนะครับ แล้วก็ท่านผู้อ่านสามารถติดตามบทความเชิงเคล็ดลับ และอัพเดทข่าวด้านยานยนต์ถึงที่กะไว้แฟนเพจ Joh’s Autolife

 

กลับหน้าหลัก