profender monotube 2.0

profender monotube 2.0

profender monotube 2.0 วิชาความรู้ และก็ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโช้คอัพ ความวิจิตรบรรจงของระบบกันกระเทือน เดี๋ยวนี้พวกเราจะมาเจาะลึก รวมทั้งทำความรู้จักกับ Performance Shock ให้มากเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยมันมีกระบวนการและกระบวนการคิดรวมทั้งผลิตที่ละเอียดอ่อน และก็ลึกล้ำ ดำดิ่งเกินห้วงที่จิตนาการอย่างกับหนังแนวแฟนตาซี (เข้าไปโน่น) พวกเรามาเริ่มกันที่ดูรายละเอียดของโช้คอัพที่ติดมาพร้อมกับรถยนต์แสตนดาร์ท จะมีส่วนประกอบอยู่เพียงราวๆ 20 ชิ้น

profender monotube 2.0

รวมทั้งหากมาเทียบกับโช้คความสามารถสูง tein street advance z พบว่า ชิ้นส่วนสำหรับการประกอบ มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกถึงสองเท่า ถึงกว่า 60 ชิ้น เลยทีเดียวนั่นเป็นเนื่องจากกลไกที่ถูกดีไซน์มาให้สามารถควบคุมทำงานได้ให้ถี่ถ้วน ทุกองค์ประกอบมีบทบาทรวมทั้งความสำคัญในตัว ด้วยโอกาสนี้ผู้เขียนจึงจะขอนำไปเยี่ยมชมหลักการทำงานของกลไกที่อยู่ในโช้คหนึ่งตัวให้ได้ทราบกัน ว่าในขั้นตอนการที่มันจะกระดอนขึ้นเด้งลงอย่างที่พวกเรามองเห็นนั้น มันจะต้องผ่านอะไรบ้าง

Damperอย่างที่เรียนให้ทราบในครั้งที่ผ่าน ว่า Shock Absorber เป็นตัวถ่วงเวลาควบคุมให้สปริงดำเนินงานเท่าที่ปรารถนา ภายในกระบอกโช้คก็จะมีองค์ประกอบต่างช่วยเหลือกันอยู่ ตัวหลักๆก็จะมี ลูกสูบ (Piston) รูปแบบการทำงานก็คล้ายๆกับห้องลูกสูบของเครื่องยนต์กลไก แต่ในนี้จะไม่มีการสันกระบี่ กลายเป็นการเจาะลูกสูบให้มีรู สำหรับบีบให้น้ำมันไหลผ่านระหว่าง ห้องบนไปข้างล่าง หรือล่างไปบน

ด้านในกระบอกสูบให้ใช้เวลาระดับหนึ่ง ขนาดหรือรูของมันก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของวิศวกรว่าอยากให้มันปฏิบัติงานแบบไหน ในจุดที่มีการเสียดสีของลูกสูบกับกระบอกสูบ จะมีแหวนที่เรียกว่า Teflon Ring เป็นอุปกรณ์“เทฟล่อน” ซึ่งมีคุณลักษณะเป็นความลื่นไถล ยืดหยุ่น แล้วก็ทนไฟในระดับที่ต้องขณะที่กำเนิดกระบวนการทำงาน ในกระบอกนี้ก็จะบรรจุเต็มไปด้วยน้ำมัน สำคัญเป็นอย่างมากที่จะจำต้องสร้างส่วนประกอบที่เอาไว้เป็นเขี่อนกั้นน้ำมันและก็แรงดันจากแก็ส มันเรียกว่า Seal Block (ซีลบล็อค) ซึ่งเจ้าซีลตัวนี้ มันมีความยาว 1 ส่วน 4 ของตัวกระบอกอย่างยิ่งจริงๆ ด้วยเหตุว่าหน้าที่ของมันสำคัญ

นอกจากจะจำต้องกั้นไม่ให้มีน้ำมันเล็ดลอดออกไปสิ่งเดียว มันจำเป็นต้องรับแรงกดดันจากแก็สอีกเพียบเลย และก็การเสียดสีพร้อมความร้อนที่มาจากแกนโช้คอีกด้วย ให้แด่คุณสังเกตว่า “ กรณีหากโช้คแก็สมีการรั่ว” มันจะไม่เยิ้มออกมาแบบกระปิดกระปอย.. ด้วยแรงดันของแก็ส มันจะพุ่งปรี๊ดออกมาจนถึงไม่มีแรงดัน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะหลงผิดว่า บางทีไปซื้อโช้คออกมาจากร้าน มองเห็นน้ำมันเยิ้มตั้งแต่อยู่ในกล่อง จริงๆบางครั้งก็อาจจะเป็นน้ำมันยังค้างอยู่ในฝากระบอกสูบ (End Cap) ซึ่งตัวนี้มีบทบาทดักฝุ่นผงแล้วก็เก็บความเป็นระเบียบเพียงแค่นั้น

Bearingแบริ่ง เป็นหูยึดโช้คที่ได้ใส่ตัว “กระสุนปืนตาเหลือกตาพอง” ลักษณะเด่นที่อยู่ในตัวมันซึ่งดียิ่งกว่าเบ้ายางปกติก็คือมีการให้องศาสำหรับเพื่อการบิดตัวของโช้คและองค์ประกอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ ว่ากันแบบเชิงลึกก็คือ ในช่วงเวลาที่เครื่องยนต์กลไกดำเนินงาน รวมทั้งรถยนต์เคลื่อน ทั้งนี้บางครั้งก็อาจจะมาจากกำลังเครื่องยนต์ที่มาดึง หรือการบิดตัวจากการรับน้ำหนักโครงสร้างของเฟรมก็จะบิดตัวเล็กน้อยเวลาเข้าโค้ง ต้นสายปลายเหตุเหล่านี้อาจมีผลต่อการทำงานของโช้ค เพราะเหตุว่าหากมันไม่สามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ วัสดุอุปกรณ์ดูดซึมแรงทั้งหมดทั้งปวงก็ไร้ประโยชน์

เครื่องไม้เครื่องมือนี้จึงแสดงตัวเป็นผู้สละยินยอมให้ถูกกระชากลางเช็ดได้ ซึ่งมันจะให้องศาสำหรับเพื่อการบิดตัวได้บางส่วนเพื่อให้ รองรับความสะเทือนได้อย่างสมบรูณ์แบบถามว่า “จำเป็นจะต้องไหม ที่จะต้องมีแบริ่ง ถ้าหากพวกเราโช้คหูแบบธรรมดา แล้วใส่น็อตที่มีขนาดเล็กกว่ารูของหูโช้คนิดนึงแทนด้วยเหตุว่าผลลัพท์ก็คือ มีการให้ตัวเช่นกัน ” ตอบว่า มันก็ใช้ได้ครับผม แต่ว่าเว้นเสียแต่มันจะบิดตัวได้ มันก็จะขยับขึ้นลงได้ด้วย ซึ่งนั่นเป็นอาการที่ไม่อยู่สำหรับเพื่อการควบคุม รวมทั้งจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โน่นก็รวมทั้งของแต่งตามร้านทั่วๆไปที่เป็นตัวยกโช้ค ซึ่งมันจะชูให้รถยนต์สูงขึ้นมาอีก 3-4 เซนติเมตร แน่นอนว่ามันจะมองโก้เก๋ขึ้นแม้กระนั้นโช้คจะมีการบิดตัวที่ไม่มีความจำเป็นในขณะปฏิบัติงาน ซึ่งโน่นไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานเขตความเร็วสูงแน่ๆครับ

นั่นก็เป็นขอบเขตการทำงานของเครื่องไม้เครื่องมือแต่ละชิ้นอย่างคร่าวๆไม่น่าเชื่อว่าเครื่องใช้ไม้สอยชิ้นเล็กๆแต่ว่ากรรมวิธีมันเยอะแยะอย่างมาก โน่นอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากว่า โช้คอัพในรถเครื่อง มันต้องดำเนินการหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการรับน้ำหนักเมื่อถูกใช้ ทั้งต้องช่วยในการทรงตัว ต่างกับรถยนต์ที่ไม่ต้องวางแบบให้ยุ่งยากขนาดนั้น ในคราวหลังพวกเราจะมาดูกันว่า

เมื่อเราติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเปียกชื้นนี้แล้ว น่าจะปรับเช่นไร เซ็ทมากแค่ไหนถึงจะเหมาะสมรวมทั้งพอดิบพอดีเช็ค 10 จุด เตรียมพร้อมก่อนเดินทางไกล

1. เช็คแบตเตอรี่วิธีการตรวจเช็ค แบ่งตามประเภทของแบตเตอรี่
– แบตเตอรี่ประเภทที่ไม่ต้องเพิ่มเติมน้ำกลั่น ฝาเรียบ ไม่มีช่องเพิ่มน้ำกลั่น พิจารณาอาการเวลาสตาร์ทรถ ตรวจตราสถานะการทำงานพื้นฐานได้จากการดูตาแมว
– แบตเตอรี่แบบจำเป็นต้องเติมน้ำกลั่น มีฝาปิดอยู่ด้านบน มีช่องเติมน้ำกลั่น เริ่มจากเช็คอายุแบตเตอรี่ ถ้าหากยังไม่ครบ 1 ปี ช่องทางเสื่อมน้อย หลังจาก 12 – 24 เดือน ควรตรวจเช็คความเสื่อม ลำดับต่อมาตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่ามาตรฐาน

2. เช็คล้อและก็ยาง
– ตรวจเช็คแรงดันลมยาง จะต้องมีแรงกดดันลมยางตามความเหมาะสมของรถแต่ละชนิด หรือตามค่าระบุที่รถยนต์ระบุ ดูได้รอบๆข้างประตูฝั่งคนขับรถเก๋งทั่วๆไป ควรจะมีแรงดันลมยาง 30 – 32 PSIรถกระบะ ควรจะมีแรงดันลมยาง 36 – 38 PSI
– ตรวจเช็คสภาพล้อ รอยแตกของยางล้อ รวมทั้งความลึกของดอกยาง

3. เช็คโช๊คอัพ ตอนล่าง
– ตรวจเช็คจุดรั่วซึมของคราบเปื้อนน้ำมันรอบๆโช๊คอัพ
– ตรวจเช็คการคืนตัวของโช๊คอัพ เช็คด้วยการกดรอบๆด้านหลังรถยนต์ หรือหน้ารถยนต์ สังเกตการคืนตัว ถ้าหากมีการเด้งขึ้นลงหลายครั้ง แสดงว่าโช๊คอัพมีปัญหา
– ตรวจเช็คด้วยการสังเกตรูปทรงของโช๊คอัพควรเป็นรูปทรงกระบอกสมมาตร
– ตรวจเช็คความร้อน หลังจากที่ได้มีการใช้งานเมื่อจอดรถใช้มือสัมผัสกับโช๊ค หากไม่มีความร้อนหมายความว่าโช๊คอัพมีปัญหาดำเนินงานไม่เต็มที่

4. เช็คระบบหล่อเย็นตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็น ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นต่ำลงมากยิ่งกว่าขีดระดับ Low จำต้องเพิ่มเติมน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในขีดระดับ Full

5. เช็คระบบและน้ำมันเบรค

– ตรวจเช็คจุดรั่วซึม เช็คผ้าเบรก เสียงเบรก ให้อยู่ในสภาพที่ให้งานได้ปกติ
– ตรวจเช็คน้ำมันเบรคให้อยู่ในระดับที่กำหนด รวมทั้งเช็คสีของน้ำมัน ไม่ควรเป็นสีดำคล้ำกว่าปกติ

6. เช็คระบบไฟส่องสว่างตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างทุกส่วน ไฟหน้า ในแต่ละระดับ ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก และไฟรีบด่วน จำต้องสามารถใช้งานได้ปกติแล้วก็พินิจไฟเตือนต่างๆถ้ามีการแจ้งเตือน จะต้องแก้ปัญหาก่อนออกเดินทาง

7. เช็คน้ำมันเครื่องตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ควรจะให้อยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min ด้วยการใช้ก้านวัดน้ำมันเครื่อง ดึงก้านวัดออกรวมทั้งเช็ดน้ำมันเครื่องที่ก้านวัด ต่อจากนั้นแทงก้านวัดกลับไปจุดเดิม แล้วดึงออกมาอีกครั้ง เพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง

8. เช็คกล้องบันทึกภาพ
– ตรวจเช็คความปกติสำหรับการดำเนินการ พร้อมใช้งาน องศาสำหรับเพื่อการติดตั้งกล้องถ่ายรูป เช็ควิดิโอย้อนหลัง ควรจะเป็นไฟล์ขับขี่ปัจจุบัน
– Format Memory Card เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการ Error หรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น
– ตรวจเช็ควันที่ แล้วก็เวลา จะต้องตรงกับปัจจุบัน
– ตรวจเช็คความสะอาดของเลนส์กล้องถ่ายภาพ
– ตรวจเช็คระบบการชาร์จของรถ การจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ตัวกล้องถ่ายภาพต้องปฏิบัติงานปกติ

9. เช็คชุดเครื่องมือประจำรถตรวจเช็ค และเตรียมความพร้อมเครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องมีติดรถยนต์ ในกรณีเกิดเหตุรีบด่วน เป็นต้นว่า ประแจ ไขควร สายพ่วงแบตเตอรี่ สเปรย์ปะยาง ไฟฉาย ฯลฯ

10. เช็คความพร้อมเพรียงผู้ขับคนขับควรจะเตรียมความพร้อมให้พร้อมสำหรับเพื่อการเดินทางไกล จัดเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้พอเพียง ไม่รับประทานยาที่จะมีผลเสียกับความรู้ความเข้าใจสำหรับในการขับรถ รวมทั้งควรศึกษาเรียนรู้ทางการเดินทางก่อนออกเดินทาง

โช๊คอัพรถยนต์พังทลาย พิจารณากล้วยๆ? โช๊คอัพ เป็นเครื่องใช้ไม้สอยสาระสำคัญ ทำหน้าที่ช่วยรองรับแรงชนของรถยนต์ ที่กำลังขับเคลื่อนในทุกภาวะผิวถนน ทำให้แรงกระแทกต่ำลง คนขับขี่และก็ผู้โดยสารจะไม่รู้จักสึกถึงแรงกระแทก ถึงแม้ขับรถบนผิวถนนที่ตะปุ่มตะป่ำ แม้กระนั้นถ้ามีการขับขี่โดยที่ไม่ระมัดระวัง ตกหลุมอยู่บ่อยครั้ง พบลูกระนาดไม่ลดความเร็ว ไม่เบรคฉะลอรถยนต์ หรือบรรทุกของหนักๆบ่อยๆ ก็จะส่งผลให้โช๊คอัพเสียหายได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะมีน้ำรั่วไหลซึมออกจากกระบอกสูบ อีกหนึ่งหน้าที่สำหรับโช๊คอัพ ก็คือ คอยถ่วงการเคลื่อนของตัวรถ ไม่ให้ขึ้นแล้วก็ลงเร็วเหลือเกิน เพื่อหน้ายางสัมผัสกับผิวถนนอย่างสม่ำเสมอทุกล้อ ช่วยให้รถยนต์ทรงตัวได้ดีในขณะเข้าโค้ง โดยมีสปริงเป็นตัวควบคุมการทำงาน

โช๊คอัพรถยนต์พังพิจารณากล้วยๆพินิจตอนที่ขับขี่พิจารณาจากผู้กระทำระเทือนของรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจังหวะตอนขึ้นสะพานหรือขึ้นเนิน แม้โช๊คอัพมีปัญหา จะรู้สึกได้ว่ารถกระดอนขึ้น-ลง บ่อย การกระเทือนมากกว่าธรรมดาไม่ว่าจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลัง หรือกำเนิดอาการโคลงเคลง เหวี่ยงในห้องโดยสารมากเกินความจำเป็น แม้จะขับขี่รถในความเร็วธรรมดา(ราวๆ 80 กิโล/ชั่วโมง)พิจารณาเมื่อใช้ความเร็วสูงเมื่อมีการขับรถในความเร็วสูง รถจะมีลักษณะอาการร่อน

ราวกับไม่เกาะถนนหนทาง ยิ่งแม้พบลมปะทะแรงๆจะสังเกตุได้ว่าพวงมาลัยเบาลงจนแตกต่างจากปกติ จะต้องคอยเกรงจับพวงมาลัยพิจารณาที่ตัวโช๊คอัพทดลองก้มดูพิจารณาที่กระบอกโช๊คอัพ ว่าโช๊คอัพมีการผิดรูปผิดร่างทรง หรือเปลี่ยนไปจากปกติไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่มีการบรรทุกของหนักมากมายๆหรือขับตกหลุม ลงเนินแรงๆในบางจังหวะการขับขี่ก็มีความน่าจะเป็นที่จะทำให้โช๊คอัพผิดรูปได้สังเกตรอยรั่วซึมพินิจที่กระบอกโช๊คอัพ ถ้าเกิดมีรอยเปื้อนของคราบน้ำมันติดอยู่ที่แกนโช๊ค หมายความว่าโช๊คอัพมีการรั่วซึม ข้างในกระบอกโช๊คขาดน้ำมันหล่อลื่น

ส่งผลให้หลักการทำงานของโช๊คอัพแตกต่างจากปกติ ทำให้เหนื่อยดันรับแรงกระแทกจากผิวถนน ต้นสายปลายเหตุที่รั่วอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะยางซีลตัวกระบอกโช๊คที่เริ่มย่อยสลาย หรือฉีกให้ขาดจากการใช้งานดูจากความร้อนที่ตัวโช๊คอัพภายหลังจากขับขี่ เมื่อดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ลองเอามืออังหรือเบาๆสัมผัสที่ตัวกระบอกโช๊คอัพ ถ้าเกิดมีความร้อน แสดงว่าโช๊คอัพดำเนินงานธรรมดา แต่ว่าถ้าหากโช๊คอัพเสีย หรือเปล่าดำเนินงานก็จะไม่มีความร้อนออกมาที่กระบอกโช๊คพินิจจากดอกยางหากพินิจพบว่าหน้ายาง สึกเรียบไม่เท่ากัน หน้ายางมีลักษณะสึกเป็นบั้งๆนั่นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าโช๊คอัพเริ่มมีปัญหาแล้ว

กลับหน้าหลัก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *